เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓o พ.ย. ๒๕๕๗

 

เทศน์เช้า วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

อ้าว! ตั้งใจฟังธรรมะเนาะ เวลาฟังธรรมะนะ ธรรมะคือสัจธรรม สัจธรรมคือเป็นความจริง ความจริง อริยสัจ สัจจะความจริง ความจริงที่ยิ่งใหญ่ ถ้าใครเข้าสู่ความจริงนั้น สิ่งความจริงนั้นได้ เราจะอยู่กับความจริงนั้น

แต่ในปัจจุบันนี้เราอยู่กับสมมุติบัญญัติ นี่เป็นความจริงโดยสมมุติไง ความจริงคือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นความจริงอันหนึ่ง แต่ความจริง คำว่า “ความจริงสมมุติ” คือชั่วคราว คือมันเปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนแปลง มันมีวาระ มันถึงเวลาของมัน แต่ความจริงอันยิ่งใหญ่ ความจริงที่คงที่ ความจริงคงที่คืออมตธรรม ถ้าอมตธรรม อมตธรรมมันเกิดมาจากไหนล่ะ อมตธรรมมันลอยมาจากฟ้าหรือ อมตธรรมเราจะไปขุดเหมือง เราจะไปค้นคว้ามาจากไหนล่ะ

อมตธรรมมันก็เกิดมาจากหัวใจไง สัจธรรมอันนี้มันเกิดจากในหัวใจของเรา ถ้าหัวใจของเรานะ ปฏิสนธิจิต การเวียนว่ายตายเกิดนี้จิตมันมีเวรมีกรรมของมัน มันเวียนว่ายตายเกิดไปของมัน ทีนี้เวียนว่ายตายเกิดมา เวียนว่ายตายเกิดมาเป็นมนุษย์ของเรา เราเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา

พระ พระก็มาจากคน พระก็ทุกข์ยากมาจากคนเหมือนกัน พระมาจากคน คน เห็นไหม เวลาโยมบอกว่าโยมนี่มันทุกข์มันยาก มาทำบุญกุศลก็เพื่อความบุญกุศลของเรา เพื่อความสุขความระงับในหัวใจของเรา แล้วทำไมมาวัดมาวาแล้วต้องมารีบมาด่วน

คำว่า “รีบด่วน” มันไม่ใช่รีบด่วน มันเป็นกติกา คำว่า “กติกา” คนใดก็แล้วแต่เป็นสุภาพชน เขาจะเคารพกติกานั้น เคารพสถานที่นั้น เขาเรียกว่ามีวินัย คนถ้ามีวินัยขึ้นมา คนมีวินัยมันจะควบคุมตัวเองได้

เราต้องการสัจจะความจริง สัจจะความจริง ความจริงมาจากไหน สัจจะความจริงมันเกิดจากคนที่มีหลักมีเกณฑ์ ถ้ามีหลักมีวินัย มีวินัยคือมีสัจจะกับตัวเอง มีสัจจะกับตัวเองทำสิ่งใดมันก็ประสบความสำเร็จ เห็นไหม

ดูสิ สมัยก่อนเขามีเสื่อผืนหมอนใบ เสื่อผืนหมอนใบพอเข้ามาถึงปากอ่าว ฉันไม่ตาย ฉันรอดตายแล้ว ฉันไม่ตายแน่นอน นี่ประเทศอันสมควรไง เวลาเขาผ่าน พอเรือสำเภาเข้าปากอ่าว เขาเห็นความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินนะ เขาไม่ตายหรอก เขารอดแล้ว เขาไม่ตาย แต่เราอยู่ในประเทศอันสมควรไง อยู่ในประเทศที่สมบูรณ์อยู่แล้ว

เวลาประเทศอันสมบูรณ์อยู่แล้ว สมบูรณ์ เราอยู่กันจนชินชาไง เราชินชา เวลาอุดมสมบูรณ์ สิ่งที่แหล่งน้ำทุกอย่างสมบูรณ์ เราทำมาหากิน เกษตรกรรม เกษตรกรรมมันคืออาหาร คือปัจจัย ๔ สิ่งที่เป็นอุตสาหกรรม เขาเรียกว่าคุณภาพชีวิต คุณภาพชีวิตเพื่ออำนวยความสะดวกกับชีวิตไง อำนวยความสะดวกกับชีวิต แต่จริงๆ แล้วเราปัจจัย ๔ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติเรื่องปัจจัย ๔ ดูสิ พระบวชมาพระก็ต้องมีบาตร บาตรนี้คืออาหารนะ บาตรคือเลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง บาตรคืออาหาร มีอาหาร มีเครื่องนุ่งห่ม มียารักษาโรค มีที่อยู่อาศัย ปัจจัย ๔ ไง ถ้าปัจจัย ๔ ก็ดำรงชีวิต

เราเกิดในประเทศอันสมควรนะ เวลาอุดมสมบูรณ์ เวลาน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ เราทำสิ่งใดเรามีความร่มเย็นเป็นสุขของเรา เวลาแหล่งน้ำที่มันเหือดแห้งไป เราพยายามจะขวนขวาย พยายามจะกักเก็บเอาไว้เพื่อประโยชน์ คนที่มีปัญญาๆ ไง มีปัญญาเขาเก็บไว้เพื่อเป็นประโยชน์ เห็นไหม

เวลาทำไร่ไถนาเขาบอกว่าทุนนิยม ถ้าเขามีทุนของเขา เขาทำสิ่งใด ผลตอบแทนของเขาจะงอกงาม เพราะอะไร เพราะเขามีทุน เขามีทุน เขามีแหล่งน้ำ เขาชักน้ำเข้ามา เขามีทุนของเขา เวลาเราทำด้วยอำนาจวาสนาบารมีของเรา คนทุกข์คนจน ทำด้วยฟ้าฝนตกตามธรรมชาติ มันแคระ มันแกร็น มันไม่ได้ประโยชน์ มันสู้ทุนเขาไม่ได้ เขามีทุนหนาของเขา เขาทำของเขา

ทุนหนานั้นเป็นเรื่องโลก นี่อำนวยความสะดวก เวลาน้ำท่าอุดมสมบูรณ์เราทำสิ่งใดก็ได้ เวลาน้ำท่ามันขาดแคลน เห็นไหม เวลาน้ำมาปลากินมด เวลาน้ำมาปลามันกินมด ทุกอย่างมันมีความสุขมีความรื่นเริงทั้งนั้นแหละ เพราะแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ น้ำลดมดกินปลา เวลามันเหือดแห้ง เวลามันทุกข์มันยาก เห็นไหม เกิดในประเทศอันสมควร ถ้าประเทศอันสมควร ประเทศอันสมควร ประเทศจากชัยภูมิ ประเทศจากความเป็นอยู่ของเรา ถ้ามันสมควร สมควรมันก็ชุ่มชื่น มันก็มีความสุข มันต้องมีการขวนขวาย ต้องมีความขยันหมั่นเพียร ต้องมีความประหยัดมัธยัสถ์เพื่อการดำรงชีพของเขา

เรามีศรัทธาความเชื่อ ศรัทธาความเชื่อของเรา นี่ประเทศอันสมควร ถ้ามีศรัทธาความเชื่อมันก็มีความชุ่มชื่นของเรา เราขวนขวายกันมา ขวนขวายกันมาเพื่อทำบุญกุศลของเรา แล้วบุญกุศลมันอยู่ที่ไหน

บุญกุศลนะ เวลาเราเสียสละ เราระลึกถึง ระลึกถึงอยากจะทำบุญ เราขวนขวายมากันนะ เราขวนขวายกันมา ศรัทธาความเชื่อ ความอุดมสมบูรณ์ของมัน เวลามันเหือดแห้ง มันแห้งแล้ง มันทำสิ่งใดไม่เป็นประโยชน์กับมัน นี่ความแห้งแล้งของใจนะ

ศรัทธาความเชื่อ ถ้ามีศรัทธาความเชื่อ คนมีศรัทธามันมั่นคงของมัน ทำสิ่งใดก็ทำได้ นี่มันมีศรัทธา แต่ถ้ามันทำแล้วประสบความสำเร็จ แหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ เราไม่ทำไร่ไถนาของเรา บ้านข้างเคียงเขาก็ทำไร่ไถนาของเขา เขาก็มีอาหารของเขา เขาทำเพื่อประโยชน์ของเขา เราก็ดูดายของเรา เราคิดว่ามันจะเป็นไปได้ บุญกุศลเรามันจะลอยมาจากฟ้า ถึงเวลาแล้วเราไม่ทำสิ่งใดขึ้นมามันก็ไม่มีข้าวปลาอาหาร นี่เราอยู่แหล่งอุดมสมบูรณ์นั้น

ศรัทธาความเชื่อ ศรัทธาความเชื่อทำประโยชน์กับเรา ทำประโยชน์กับใจของเรา ศรัทธาความเชื่อ เห็นไหม มีศรัทธาความเชื่อมันมีปัญญา มีปัญญาเพราะเราคิดเราแยกแยะ ถ้าเราไม่คิดเราไม่แยกแยะขึ้นมา เราก็ว่ามันก็เหมือนกัน ที่ว่าประชาธิปไตยต้องสิทธิเสรีภาพๆ...สิทธิเสรีภาพแล้วเอ็งทำอะไรล่ะ เอ็งเอาสิทธิอะไรล่ะ สิทธิความเป็นมนุษย์ ความเป็นมนุษย์ก็มีหน้าที่การงาน ถ้ามีหน้าที่การงาน ทำหน้าที่การงานด้วยความสมบูรณ์ของตัว แล้วทำหน้าที่การงาน เขาทำแล้วเขาประสบความสำเร็จ เราทำแล้วขาดตกบกพร่อง นี่มันย้อนมาแล้ว

พันธุกรรมของจิตๆ คนที่คิดดี ศรัทธาความเชื่อของเขาดี เขามีสติปัญญาของเขา เขาแยกแยะของเขา เขาทำเพื่อประโยชน์ของเขา เขาไม่ถือมงคลตื่นข่าว ชาวพุทธของเราให้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พระธรรมคือสัจธรรม คือความจริง

นี่ถือมงคลตื่นข่าวไง เฮกันไปก็เฮกันมา เขาว่านู่นก็ว่ากันไป แล้วไม่ทำอะไรเลย แล้วประชาธิปไตยๆ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกธรรมาธิปไตย มันเป็นธรรม สัจธรรมมันเป็นความจริง ใครอยู่ที่ไหน จะอยู่ในถ้ำ จะอยู่บนยอดเขา จะอยู่ใต้ดิน จะอยู่บาดาลไหน สัจจะมันก็เป็นสัจจะ

นี่ก็เหมือนกัน ใจของเรามันเป็นความจริงๆ อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นศรัทธาความเชื่อ สิ่งที่มันครอบงำอยู่นี่ แล้วเราก็ลากกันไป นี่จริตนิสัยมาแล้ว ถ้าเราทำคุณงามความดี ทำแล้วในท้องที่เดียวกัน ในเหตุการณ์เดียวกัน ทำไมคนทำแล้วเขาทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้ เห็นไหม การทำมาๆ พระโพธิสัตว์ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย พระปัจเจกพุทธเจ้า จะเป็นพระอรหันต์ขึ้นมาเขาก็ต้องมีอำนาจวาสนาของเขา คำว่า “อำนาจวาสนา” มันไม่ใช่ว่าไม่มีอย่างอื่น

อำนาจวาสนาคือสติปัญญา มันมีสติปัญญา เขาจะชักนำไปไง เราไม่ถือมงคลตื่นข่าวไง เขาพูดกันนี่มันจริงหรือ ตอนนี้มีปัญหามากเลย ไอ้การหลอกลวงกันในเว็บไซต์ เราไปเชื่อเขาไง อยากได้ผลตอบแทนไวๆ อยากได้ผลตอบแทนไวๆ แล้วคนที่มาคดมาโกงกันก็ไอ้คนที่น่าเชื่อถือ ไอ้คนใกล้เคียงกัน เพื่อนฝูงกันเองนี่แหละ แล้วเราทำไมไม่มีสติปัญญา

มีอำนาจวาสนาบารมีมันมีที่นี่ มีที่นี่ เราต้องแยกแยะของเรา ถึงเวลาเขาทำเป็นอย่างนั้น ถ้าเราไม่โลภ เราทำหน้าที่การงานของเรา เรามีสติปัญญาของเรา นี่อำนาจวาสนาบารมีของเรา เราไม่เชื่อ สิ่งใดๆ เราก็แยกแยะ ถ้าไม่เชื่อๆ ไม่เชื่อ ดูสิ เวลาเขาบอกว่าพุทธศาสนาสอนอะไร พระเห็นแก่ตัว ใครๆ ก็ต้องไปทำบุญกับพระ ทำบุญกับพระ

พระเห็นแก่ตัวที่ไหน พระก็ลำบากเหมือนโลกนี่แหละ เพราะอะไร เพราะพระก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน ก็มีความรู้สึกนึกคิดเหมือนกัน แต่ความรู้สึกนึกคิด เพราะมีศรัทธา มีศรัทธาเห็นภัยในวัฏสงสารถึงได้เสียสละความเป็นฆราวาสมาบวชเป็นพระ พอบวชเป็นพระขึ้นมามันก็มีศีล ๒๒๗ มีศีล ๒๒๗ ขึ้นมาแล้วมันก็ยังมีกฎหมายบ้านเมืองบังคับอีกชั้นหนึ่ง ต้องยอมรับกฎหมายของบ้านเมืองด้วย แล้วต้องยอมรับศีล ๒๒๗ ด้วย

ของเราศีล ๕ ยังบอกว่าศีล ๕ ขอยกเว้นข้อหนึ่ง เอาศีล ๔ ก็พอ นี่เรายังยกเว้นกันเลย พระเอาเปรียบๆ...เอาเปรียบใคร พระก็เหมือนโยมนั่นล่ะ แต่ว่าพระเป็นผู้ที่เห็นภัยในวัฏสงสาร เวลามีศรัทธาความเชื่อ บวช บวชในพระพุทธศาสนา สงฆ์ยกเข้าหมู่ ญัตติจตุตถกรรมยกเข้ามาเป็นพระ พอยกเข้ามาเป็นพระ นี่จริงตามสมมุติไง จริงตามสมมุติ

แต่ความจริงๆ ล่ะ ความจริงพอบวชเป็นพระแล้วเราก็จะมาขยันหมั่นเพียรกัน หน้าที่ของพระนะ ถ้าศรัทธาของเรา เราได้เคยเข้าไปศึกษาในเรื่องศาสนา พระท่านเร่งความเพียรของท่าน เขาจะส่งเสริม ส่งเสริมขึ้นมาให้ศาสนทายาท พระก็พยายามค้นคว้าหาความจริงในใจของพระ

ถ้าพระหาความจริงในใจของพระ การหาความจริงนั้นมันก็ต้องมีวิธีการ ศีล สมาธิ ปัญญา วิธีการ วิธีการไม่ใช่ความจริง วิธีการ เหตุและปัจจัยรวมลงเป็นผล เหตุและปัจจัย สร้างเหตุสร้างปัจจัย สร้างสิ่งสภาวะแวดล้อมที่ดีให้สมแก่การประพฤติปฏิบัติ ให้มีความสงบมีความสงัด มีความวิเวก แล้วมีความสงบวิเวก เราก็บอกว่าจะส่งเสริมพระ พระไม่คุยกับเราเลย พระไม่ต้อนรับเราเลย

อ้าว! พระไม่ต้อนรับเราเลย ก็เขาต้องการสงบ ต้องการวิเวก ต้องการความสงบ

ก็เราอยากส่งเสริมๆ เราก็ขวนขวายมาเอาบุญของเราเหมือนกัน พระก็พยายามจะขวนขวายเอาหัวใจของท่านเหมือนกัน ถ้าหัวใจของท่าน แล้ววิธีการ เราส่งเสริม เราทำบุญของเรา เราเลือก เราค้นคว้าของเราเพื่อประโยชน์กับเราไง ถ้าประโยชน์กับเรา แล้วไปถึงวัดแล้วพระก็ต้องมาปฏิสันถาร มาอย่างนั้น

หลวงตาท่านบอกว่า เวลาท่านออกธุดงค์นะ ไปหาบ้านน้อยๆ ๓ หลัง ๔ หลัง พออาศัยดำรงชีวิตกับเขา บ้านใหญ่ก็ไม่เอา มันเป็นภาระรุงรัง เขาก็ต้องมาคุยธรรมะ เขาต้องมาคุย เวลาคนเขาปฏิบัติเขาหาบ้านน้อยๆ บ้านน้อยๆ คือ ๒-๓ หลังก็พอ แค่มีข้าวตกบาตรก็พอ แล้วเขาก็ขวนขวายทำหน้าที่การงานของเขา คนทุกข์คนจนอยู่ในป่าในเขา เขาก็ไปทำไร่ในป่ากันเพื่อดำรงชีวิต เราธุดงค์ผ่านไปเราก็เลือกหา หาบ้านเล็กๆ บ้านน้อยๆ บ้านใหญ่มันเป็นภาระรุงรัง แล้วอย่างนี้เห็นแก่ตัวไหม เห็นแก่ความจริงต่างหาก

ถ้าความจริงเป็นอย่างนั้น สภาวะแวดล้อมที่ดี สิ่งที่ดีเพื่ออำนวยการประพฤติปฏิบัติ พระก็มาจากคน เขาบอกว่าพระเห็นแก่ตัวๆ

มันทุกข์กว่าโยมอีก โยมมีความอึดอัดรำคาญ ไปชายทะเล ตอนนี้ไปดูแม่คะนิ้งกัน ไปผ่อนคลาย แล้วพระไปไหนล่ะ ถ้าพระไปบอก “ที่อโคจร พระมาไม่ได้ พระต้องนั่งสงบนะ พระต้องทำสมาธิ พระต้องปฏิบัติ”

นี่ไง แล้วพระเห็นแก่ตัวที่ไหนล่ะ พระไม่ได้เห็นแก่ตัว ปฏิคาหกนะ ครูบาอาจารย์ท่านพูดบ่อย เกิดในประเทศไม่สมควร ไม่มีภิกษุ ไม่มีสงฆ์ ไม่มีการทำบุญ ในเมื่อไม่มีที่ให้ทำจะทำที่ไหน ก็ได้แต่ทำทาน เสียสละทานกันไป แต่ถ้าเรามีเนื้อนาบุญที่ดี ปฏิคาหก มีพระ มีพระเพื่อเป็นเนื้อนาบุญของเรา เราได้ทำบุญกุศลของเรา มันมีผู้รับและมีผู้ให้ ถ้ามีแต่ผู้ให้ ไม่มีผู้รับ

ฉะนั้น สิ่งที่ว่าพระเห็นแก่ตัวๆ ถ้าพระประพฤติปฏิบัตินะ แต่พระที่เขาปรารถนา เขาต้องการอย่างนั้น อย่างที่ว่าปฏิสันถาร ปฏิสันถารกับโยมมันก็เป็นการคลุกคลี แต่พระที่เขาต้องการ เขาเอารถขยายเสียงไปถึงบ้านโยมเลย อันนั้นเรื่องของเขา เรื่องของเขาเพราะเราตั้งใจไง ใครตั้งใจ ใครมีเป้าหมายอย่างใด เห็นไหม ประเทศอันสมควร

ประเทศอันสมควร เราเกิดมาในประเทศอันสมควร เราเกิดเป็นมนุษย์นะ เราเกิดเป็นมนุษย์ มันจะทุกข์จะยากขนาดไหนเราก็ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นอริยทรัพย์ เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วเรายังได้เห็นชายผ้าเหลือง เห็นไหม เห็นผ้าเหลือง เห็นพระทำตัวถูกต้องและทำตัวไม่ดีไง เราเห็นธงชัยพระอรหันต์ ธงชัยพระอรหันต์เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ผ้ากาสายะ เราก็ได้เห็นว่าภิกษุได้นุ่งห่มอยู่ แต่ภิกษุได้ทำความเป็นจริงขึ้นมาในใจของภิกษุนั้นไหม ภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏสงสาร เห็นภัยจริงหรือเปล่า

ถ้าเห็นภัยจริง ฉันอาหารของฆราวาสเขาแล้วเข้าสู่โคนไม้ ผู้ที่ทำความสงบของใจได้ก็พยายามทำความสงบของใจ ผู้ที่ใช้ปัญญาก็ใช้ปัญญาใคร่ครวญไป ฉะนั้น เวลาบวชเป็นหมู่สงฆ์ สงฆ์ สังฆะ สังฆะเป็นหมู่สงฆ์ เป็นชุมชน เป็นสังคมหนึ่ง มันก็มีการใช้สอย วัตรในโรงไฟ วัตรในวัจจกุฏีวัตร วัตรในส้วม ต้องเก็บกวาด ต้องมีข้อวัตร ถ้ามีข้อวัตรนะ อันนี้มันเป็นเรื่องกิจของสงฆ์ เพราะสงฆ์ ภิกษุเป็นผู้ที่อารามิกชน ไม่มีบ้านไม่มีเรือน แต่มีที่อาศัย มีอาราม อารามเป็นที่อาศัย ฉะนั้น อารามเป็นที่อาศัยก็ต้องดูแลรักษา การดูแลรักษานั้น นั่นว่า “ฉันจะปฏิบัติ ฉันจะไม่ทำอะไรเลย”

เขาไปวัดเขาก็ดูที่นี่แหละ เวลาเข้าไปดู เวลาที่ไหนที่สงบสงัดเราเข้าไปเราก็วิเวก เวลาเราไปที่ไหนที่มันมืด ที่ไหนมันน่ากลัว ขนลุกเลย เราเข้าไปในวัดนะ วัดที่เป็นวัดปฏิบัติ เราเข้าไปเห็นถึงความสงบความสงัด เห็นถึงความเป็นอยู่ของสมณะ เห็นการเคลื่อนไหวไป มันศรัทธานะ มันทำให้ศรัทธา มันบอกเลยว่าคนอยู่ใช้ได้ ถ้าเข้าไปแล้วนะ มันไม่มีอะไรเลย มันเหมือนกับไปโรงหนัง มีเสียงสมโภช มีทุกอย่าง “ขอเชิญ ที่นี่ตู้นี้บริจาคนั้น ตู้นั้นบริจาคนั้น” โฆษณากันไปนะ โอ๋ย! ไปสวนจตุจักรก็ได้ ไปไนท์บาร์ซ่าก็ได้ เหมือนกัน

แต่ถ้าเราไปวัดที่สงบสงัด เห็นไหม ประเทศอันสมควร ฉะนั้น ถ้าประเทศอันสมควร เราศึกษา ศึกษาแล้วส่งเสริม ส่งเสริม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา เราก็เป็นอุบาสก-อุบาสิกา พระก็เป็นภิกษุ สามเณร ส่งเสริม หน้าที่ของใครควรทำอย่างใด ส่งเสริมให้ศาสนามั่นคง ส่งเสริมให้ศาสนาเข้มแข็ง เราจะสร้างศาสนทายาท สร้างผู้สืบต่อศาสนา สืบต่อศาสนาไว้ให้เป็นที่ชื่นตาชื่นใจของชาวพุทธไง เราทำกันเพื่อเหตุนั้น เรามีสติปัญญาเพื่อเหตุนั้น

ถ้าเหตุนั้น เหตุที่เป็นเหตุ เหตุคืออะไร? เหตุคือความจริงคงที่ไง ความจริงที่มีอยู่ไง แล้วความจริงที่มีอยู่ไปหยิบคว้าเอาจากอากาศ ไปหยิบคว้าจากที่ไหนไม่มี มันจะหยิบคว้าได้จากหัวใจ หัวใจที่มันทุกข์ๆ ยากๆ หัวใจที่มันดิ้นรนอยู่นี่ ทำให้มันสงบระงับเข้ามา แล้วใช้ปัญญาขึ้นมา สำรอกคายมันออก ไอ้พญามารนั่นน่ะคายมันออก แล้วจะเป็นสัจจะ เป็นความจริงของเรา เอวัง